Silicone Motiva มีชิป มีผลต่อการตรวจ MRI หรือไม่?
Silicone Motiva มีชิป มีผลต่อการตรวจ MRI หรือไม่? ไขข้อสงสัย เจาะลึกทุกประเด็น
บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมเกี่ยวกับ Silicone Motiva ที่มีชิป ผลกระทบต่อการตรวจ MRI หลักการทำงานของ MRI ส่วนประกอบของชิปในซิลิโคน Motiva มาตรฐานความปลอดภัย และข้อควรปฏิบัติสำหรับผู้ที่เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน Motiva เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ครบถ้วนและสามารถตัดสินใจได้อย่างมั่นใจ
ทำความเข้าใจกับ Silicone Motiva และเทคโนโลยีชิป:
Silicone Motiva เป็นซิลิโคนเสริมหน้าอกที่ผลิตโดยบริษัท Establishment Labs ซึ่งมีฐานการผลิตในประเทศคอสตาริกา สิ่งที่ทำให้ Motiva แตกต่างจากซิลิโคนเสริมหน้าอกทั่วไปคือเทคโนโลยีที่ใส่ใจในรายละเอียดและความปลอดภัยของผู้เข้ารับการผ่าตัด หนึ่งในนั้นคือการฝัง “Q Inside Safety Technology™” หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า “ชิป” ไว้ภายในซิลิโคน
Q Inside Safety Technology™ คืออะไร?
Q Inside Safety Technology™ เป็นชิปขนาดเล็กระดับไมโครชิปที่ไม่สามารถมองเห็นหรือสัมผัสได้จากภายนอก ชิปนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อเก็บข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับซิลิโคนแต่ละข้าง เช่น:
- หมายเลขซีเรียล (Serial Number): ข้อมูลเฉพาะที่ระบุถึงซิลิโคนแต่ละชิ้น ทำให้สามารถตรวจสอบย้อนกลับถึงแหล่งที่มาและประวัติการผลิตได้
- รุ่น (Model): ระบุถึงประเภทและรูปทรงของซิลิโคน
- ขนาด (Size): บ่งบอกถึงปริมาตรของซิลิโคน (วัดเป็นซีซี)
- วันที่ผลิต (Manufacturing Date): ข้อมูลที่แสดงถึงช่วงเวลาที่ซิลิโคนถูกผลิต
วัตถุประสงค์ของเทคโนโลยีชิปใน Silicone Motiva:
การฝังชิปมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อเพิ่มความปลอดภัยและความสะดวกสบายให้กับทั้งผู้เข้ารับการผ่าตัดและแพทย์ศัลยแพทย์ โดยมีประโยชน์ดังนี้:
- การระบุผลิตภัณฑ์ที่แม่นยำ: ในกรณีที่ผู้เข้ารับการผ่าตัดต้องการทราบข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนที่ตนเองได้รับ หรือในกรณีที่เกิดปัญหาหรือข้อสงสัยเกี่ยวกับซิลิโคน การสแกนชิปจะช่วยให้สามารถระบุข้อมูลได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ต้องอาศัยเอกสารที่อาจสูญหายหรือเสียหาย
- การตรวจสอบย้อนกลับ: หากมีประเด็นด้านความปลอดภัยหรือคุณภาพเกิดขึ้นกับซิลิโคนในล็อตการผลิตใดๆ ข้อมูลจากชิปจะช่วยให้บริษัทสามารถติดตามและแจ้งเตือนผู้ที่ได้รับซิลิโคนล็อตนั้นๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
- การจัดการข้อมูลที่ง่ายขึ้นสำหรับแพทย์: แพทย์ศัลยแพทย์สามารถใช้เครื่องสแกนพิเศษเพื่ออ่านข้อมูลจากชิปได้ทันทีระหว่างการตรวจติดตามผล หรือในกรณีที่ผู้ป่วยเข้ารับการรักษาที่สถานพยาบาลอื่น ทำให้การเข้าถึงข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนเป็นไปอย่างรวดเร็วและแม่นยำ
หลักการทำงานของการตรวจ MRI (Magnetic Resonance Imaging):
เพื่อให้เข้าใจถึงผลกระทบของชิปใน Silicone Motiva ต่อการตรวจ MRI เราจำเป็นต้องทราบหลักการทำงานพื้นฐานของการตรวจ MRI ก่อน
การตรวจ MRI เป็นเทคนิคการสร้างภาพทางการแพทย์ที่ใช้สนามแม่เหล็กแรงสูง คลื่นวิทยุ และคอมพิวเตอร์ เพื่อสร้างภาพรายละเอียดของอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในร่างกาย โดยไม่มีการใช้รังสีเอกซ์ (X-ray) หรือรังสีแกมมา
ขั้นตอนการตรวจ MRI โดยสังเขป:
- การวางตัวผู้ป่วย: ผู้ป่วยจะถูกจัดวางในอุโมงค์ MRI ซึ่งเป็นเครื่องสร้างสนามแม่เหล็กแรงสูง
- การสร้างสนามแม่เหล็ก: เครื่อง MRI จะสร้างสนามแม่เหล็กที่มีความแรงสูง ซึ่งจะส่งผลให้โปรตอน (อนุภาคที่มีประจุบวก) ในโมเลกุลของน้ำภายในร่างกายของผู้ป่วยเรียงตัวในทิศทางเดียวกัน
- การปล่อยคลื่นวิทยุ: จากนั้น เครื่องจะปล่อยคลื่นวิทยุในช่วงสั้นๆ ซึ่งจะไปรบกวนการเรียงตัวของโปรตอน
- การรับสัญญาณ: เมื่อคลื่นวิทยุหยุด โปรตอนจะกลับสู่ตำแหน่งเดิม และในกระบวนการนี้จะปล่อยสัญญาณคลื่นวิทยุออกมา ซึ่งเครื่องรับสัญญาณของ MRI จะตรวจจับได้
- การประมวลผลภาพ: คอมพิวเตอร์จะวิเคราะห์สัญญาณที่ได้รับและสร้างภาพตัดขวางของอวัยวะและเนื้อเยื่อภายในร่างกาย
ปัจจัยที่อาจรบกวนการตรวจ MRI:
เนื่องจากการตรวจ MRI ใช้สนามแม่เหล็กแรงสูง อุปกรณ์หรือวัตถุใดๆ ที่มีส่วนประกอบของโลหะที่เป็นสารแม่เหล็ก (ferromagnetic) สามารถถูกดึงดูดหรือได้รับผลกระทบจากสนามแม่เหล็ก ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้ป่วยหรือทำให้ภาพ MRI ที่ได้มีสิ่งรบกวน (artifacts)
วัตถุที่อาจเป็นอันตรายหรือรบกวนการตรวจ MRI ได้แก่:
- อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เป็นโลหะ: เช่น เครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) บางชนิด, เครื่องกระตุกหัวใจ (defibrillator) บางชนิด, คลิปหนีบหลอดเลือด (aneurysm clips) บางชนิด, ข้อต่อเทียมที่เป็นโลหะ, รากฟันเทียม (dental implants) บางชนิด
- วัตถุภายนอกที่เป็นโลหะ: เช่น เครื่องประดับที่เป็นโลหะ, นาฬิกา, กุญแจ, เหรียญ, โทรศัพท์มือถือ
- เม็ดสีที่มีส่วนผสมของโลหะ: เช่น รอยสักบางชนิด, เครื่องสำอางบางชนิด
Silicone Motiva ที่มีชิป: มีผลต่อการตรวจ MRI หรือไม่?
คำถามสำคัญคือ ชิปขนาดเล็กที่ฝังอยู่ใน Silicone Motiva นั้น มีส่วนประกอบของโลหะที่เป็นสารแม่เหล็กหรือไม่ และจะส่งผลกระทบต่อการตรวจ MRI อย่างไร?
คำตอบคือ: โดยทั่วไปแล้ว Silicone Motiva ที่มีชิป Q Inside Safety Technology™ นั้นได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัยสำหรับการตรวจ MRI
เหตุผลสนับสนุน:
-
ส่วนประกอบที่ไม่ใช่สารแม่เหล็ก: ชิป Q Inside Safety Technology™ ใน Silicone Motiva ไม่ได้ทำจากวัสดุที่เป็นสารแม่เหล็ก (non-ferromagnetic materials) ซึ่งหมายความว่าจะไม่ถูกดึงดูดหรือได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากสนามแม่เหล็กของเครื่อง MRI วัสดุที่ใช้ในการผลิตชิปได้รับการคัดเลือกมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้มั่นใจในความปลอดภัยระหว่างการตรวจ MRI
-
ขนาดที่เล็กมาก: ชิปมีขนาดเล็กมากจนแทบไม่มีผลต่อสนามแม่เหล็กของเครื่อง MRI
-
การทดสอบความปลอดภัย: Establishment Labs ได้ทำการทดสอบอย่างละเอียดเพื่อให้มั่นใจว่า Silicone Motiva ที่มีชิปนั้นปลอดภัยสำหรับการตรวจ MRI ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนดที่ระบุ
ข้อควรทราบและข้อจำกัด:
แม้ว่า Silicone Motiva ที่มีชิปจะได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัยสำหรับการตรวจ MRI แต่ก็มีข้อควรทราบและข้อจำกัดบางประการที่ควรพิจารณา:
-
ความแรงของสนามแม่เหล็ก: ความปลอดภัยของอุปกรณ์ทางการแพทย์ระหว่างการตรวจ MRI มักจะขึ้นอยู่กับความแรงของสนามแม่เหล็กที่ใช้ โดยทั่วไปแล้ว Silicone Motiva ที่มีชิปได้รับการทดสอบและรับรองว่าปลอดภัยสำหรับการตรวจ MRI ที่มีความแรงของสนามแม่เหล็กตามมาตรฐานทางการแพทย์ (เช่น 1.5 Tesla และ 3 Tesla) หากมีการตรวจ MRI ด้วยสนามแม่เหล็กที่แรงกว่านี้ ควรแจ้งให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ MRI ทราบล่วงหน้า
-
การเกิดภาพรบกวน (Artifacts): แม้ว่าชิปจะไม่ใช่สารแม่เหล็ก แต่เนื่องจากเป็นวัตถุแปลกปลอมขนาดเล็กที่อยู่ในร่างกาย อาจทำให้เกิดภาพรบกวนขนาดเล็ก (artifacts) ในบริเวณใกล้เคียงกับซิลิโคนได้ อย่างไรก็ตาม โดยทั่วไปแล้ว สิ่งรบกวนเหล่านี้มีขนาดเล็กและไม่ส่งผลกระทบต่อการวินิจฉัยโรคในบริเวณอื่นๆ ของร่างกาย
-
การระบุข้อมูล: ก่อนเข้ารับการตรวจ MRI ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วย Silicone Motiva ควรแจ้งให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ MRI ทราบว่าตนเองมีซิลิโคนเสริมหน้าอกที่มีชิป เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถใช้เครื่องสแกนพิเศษของ Motiva ในการอ่านข้อมูลของซิลิโคนได้ หากจำเป็น
คำแนะนำสำหรับผู้ที่เสริมหน้าอกด้วย Silicone Motiva และต้องการเข้ารับการตรวจ MRI:
-
แจ้งแพทย์และเจ้าหน้าที่ MRI: สิ่งสำคัญที่สุดคือการแจ้งให้แพทย์ผู้สั่งตรวจ MRI และเจ้าหน้าที่ MRI ทราบล่วงหน้าว่าคุณได้รับการเสริมหน้าอกด้วย Silicone Motiva ที่มีชิป ข้อมูลนี้จะช่วยให้ทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่สามารถวางแผนการตรวจได้อย่างเหมาะสมและระมัดระวัง
-
นำบัตรประจำตัวซิลิโคน (Implant Card): โดยปกติแล้ว ผู้ที่ได้รับการเสริมหน้าอกจะได้รับบัตรประจำตัวซิลิโคน ซึ่งระบุข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนที่ได้รับ รวมถึงยี่ห้อ รุ่น ขนาด และหมายเลขซีเรียล ควรนำบัตรนี้ติดตัวไปด้วยเมื่อเข้ารับการตรวจ MRI เพื่อให้ข้อมูลแก่เจ้าหน้าที่
-
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม: หากคุณมีข้อสงสัยหรือความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของซิลิโคน Motiva ที่มีชิปต่อการตรวจ MRI ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมจากแพทย์ศัลยแพทย์ที่ทำการผ่าตัด หรือติดต่อบริษัท Establishment Labs โดยตรง
-
ปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่: ในระหว่างการตรวจ MRI ควรปฏิบัติตามคำแนะนำของเจ้าหน้าที่ MRI อย่างเคร่งครัด
ความแตกต่างระหว่าง Silicone Motiva ที่มีชิปกับซิลิโคนเสริมหน้าอกยี่ห้ออื่น:
ซิลิโคนเสริมหน้าอกยี่ห้ออื่นๆ ส่วนใหญ่อาจไม่มีเทคโนโลยีชิปฝังอยู่ภายใน หรืออาจใช้เทคโนโลยีที่แตกต่างกันไป ดังนั้น ผลกระทบต่อการตรวจ MRI อาจแตกต่างกันได้ หากคุณได้รับการเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนยี่ห้ออื่นที่ไม่ใช่ Motiva ควรสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการตรวจ MRI จากแพทย์ศัลยแพทย์หรือผู้ผลิตซิลิโคนโดยตรง
ประโยชน์เพิ่มเติมของ Silicone Motiva นอกเหนือจากเทคโนโลยีชิป:
นอกเหนือจาก Q Inside Safety Technology™ แล้ว Silicone Motiva ยังมีคุณสมบัติเด่นอื่นๆ ที่ทำให้เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเสริมหน้าอก:
- ผิวสัมผัสแบบ NanoSurface® หรือ SilkSurface®: ผิวสัมผัสที่เป็นเอกลักษณ์นี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อลดความเสี่ยงของการเกิดพังผืดแข็ง (capsular contracture) ซึ่งเป็นภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นหลังการเสริมหน้าอก
- เจลซิลิโคน ProgressiveGel®: เจลซิลิโคนที่ใช้ในซิลิโคน Motiva มีความยืดหยุ่นและให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติคล้ายกับเนื้อเยื่อหน้าอกจริง
- TrueMonobloc® Design: การออกแบบเปลือกซิลิโคนที่ไร้รอยต่อช่วยเพิ่มความแข็งแรงและความทนทานของซิลิโคน ลดความเสี่ยงของการรั่วซึม
- BluSeal® Barrier Layer: ชั้นป้องกันสีฟ้าที่อยู่ภายในเปลือกซิลิโคนช่วยบ่งชี้ถึงความสมบูรณ์ของเปลือก และเป็นอีกหนึ่งชั้นของการป้องกันการรั่วซึม
มาตรฐานความปลอดภัยและการรับรองของ Silicone Motiva:
Silicone Motiva ได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจากหน่วยงานกำกับดูแลต่างๆ ทั่วโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นของ Establishment Labs ในการผลิตซิลิโคนเสริมหน้าอกที่มีคุณภาพและปลอดภัยสำหรับผู้ใช้งาน การได้รับการรับรองเหล่านี้ผ่านกระบวนการทดสอบและประเมินอย่างเข้มงวด เพื่อให้มั่นใจว่าผลิตภัณฑ์เป็นไปตามมาตรฐานสากล
บทสรุป:
โดยสรุปแล้ว Silicone Motiva ที่มีชิป Q Inside Safety Technology™ นั้นได้รับการออกแบบมาให้ปลอดภัยสำหรับการตรวจด้วยเครื่อง MRI ภายใต้ความแรงของสนามแม่เหล็กตามมาตรฐานทางการแพทย์ ชิปดังกล่าวไม่ได้ทำจากวัสดุที่เป็นสารแม่เหล็กและมีขนาดเล็กมาก จึงไม่ก่อให้เกิดอันตรายหรือรบกวนการทำงานของเครื่อง MRI อย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ผู้ที่เสริมหน้าอกด้วย Silicone Motiva ควรแจ้งให้แพทย์และเจ้าหน้าที่ MRI ทราบล่วงหน้า และนำบัตรประจำตัวซิลิโคนติดตัวไปด้วย เพื่อให้การตรวจเป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัย หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติม ควรปรึกษาแพทย์ศัลยแพทย์หรือติดต่อผู้ผลิตโดยตรง
***สนใจเสริมหน้าอกเพื่อเพิ่มความมั่นใจใส่ชุดไหนก็ปัง จนใครๆ ก็อยากเหลียวมอง ติดต่อสอบถาม/นัดปรึกษาฟรี ได้เลยค่ะ***
- Facebook: Weeraphan Clinic วีรพรรณ คลินิก
- Line: @weeraphan
- โทร: 063-807-0108
#SiliconeMotiva #ซิลิโคนโมติว่า #เสริมหน้าอก #MRI #ตรวจMRI #ผลกระทบMRI #ชิปซิลิโคน #QInsideSafetyTechnology #ความปลอดภัยMRI #ศัลยกรรมหน้าอก #เสริมหน้าอกปลอดภัย #มาตรฐานความปลอดภัย #EstablishmentLabs #เทคโนโลยีเสริมหน้าอก #ข้อมูลซิลิโคน #ปรึกษาแพทย์เสริมหน้าอก #ข้อควรทราบMRI #การเตรียมตัวMRI #ซิลิโคนเสริมหน้าอกกับMRI #NonFerromagnetic
Author Profile
- Admin
Latest entries
MotivaApril 18, 2025ซิลิโคน Motiva มีรูปทรงอะไรบ้าง?
MotivaApril 17, 2025ซิลิโคน Motiva ต่างจากยี่ห้ออื่นอย่างไร?
MotivaApril 16, 2025 ซิลิโคน Motiva มีกี่รุ่น?
MotivaApril 15, 2025Silicone Motiva ราคาเท่าไร ?