ถาม-ตอบ กับคุณหมออ้น เกี่ยวกับการทำศัลยกรรม

วิรพรรณ คลินิก

ถาม-ตอบ กับคุณหมออ้น ตอบทุกข้อสงสัยเกี่ยวกับการทำศัลยกรรม

คำถามที่พบบ่อยในการศัลยกรรมดูดไขมัน

การดูดไขมัน (Liposuction) คือ การศัลยกรรมรูปแบบหนึ่ง
ที่ช่วยกำจัดปัญหาไขมันส่วนเกิน ได้อย่างตรงจุด
เช่นไขมันสะสมบริเวณหน้าท้อง, ต้นแขน, ต้นขา, เอว หรือเหนียง
เป็นต้น การดูดไขมัน
ยังนับว่าเป็นทางลัดในการลดสัดส่วนรูปแบบหนึ่ง
ที่มีความปลอดภัย และเห็นผลชัดเจนมากหลังทำ

ในปัจจุบัน
คนส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับการกินอย่างมากเลยนะครับ
ของอร่อยก็เยอะมากเช่นกัน แต่เมื่อเรากินเยอะขึ้น
ก็จะอ้วนขึ้นแบบไม่รู้ตัว แถมยิ่งอายุเพิ่มขึ้น
การเผาผลาญก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ก็ทำให้เรามีปัญหาส่วนเกิน
และความอ้วนเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะการดูดไขมัน
สามารถช่วยแก้ปัญหาไขมันส่วนเกินได้อย่างตรงจุดครับ!

เพราะการดูดไขมัน (อาทิ การ ดูดไขมันหน้าท้อง,
 
ดูดไขมันเหนียง, ดูดไขมันต้นแขน, ดูดไขมันเอวเอส หรือ
ดูดไขมันต้นขา เป็นต้น) จะช่วยกำจัดส่วนเกิน
ที่สะสมอยู่ที่ใต้ชั้นผิวหนังออกมา
และทำให้สัดส่วนเล็กลง
ในเวลาแค่ไม่กี่ชั่วโมงเท่านั้น โดยการอาศัยเครื่องดูดไขมันต่าง ๆ
เข้าช่วยในการสลายไขมัน ซึ่งเราสามารถดูดไขมันยาชาก็ได้
หรือจะดูดไขมันวางยาสลบ โดยวิสัญญีแพทย์ก็ได้เช่นกัน ทั้งนี้
แพทย์จะเป็นผู้แนะนำตามความเหมาะสมของแต่ละเคสครับ

ในร่างกายของเรา จะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่าง ๆ
ทั่วร่างกาย ซึ่งเราสามารถแบ่งออกได้เป็น 4 กลุ่มใหญ่ ๆ คือ
1.ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง (Subcutaneous Fat)
2.ไขมันในช่องท้อง (Visceral Fat)
3.ไขมันที่แทรกตามกล้ามเนื้อ
4.ไขมันในหลอดเลือด
แต่ไขมันบริเวณหน้าท้อง จะแบ่งแบบที่เห็นได้ชัดเจนได้ 2
แบบครับ คือ ไขมันใต้ชั้นผิวหนัง และไขมันในช่องท้อง
ซึ่งคนอ้วนส่วนใหญ่ มักจะมีการสะสมของไขมันทั้งสองชนิดนี้

สำหรับ ส่วนที่เราสามารถดูดไขมันออกมาได้
คือไขมันใต้ชั้นผิวหนังเท่านั้น ซึ่งไขมันในชั้นผิวหนังนี้
จะส่งผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราเป็นหลักเลยครับ
พูดง่าย ๆ คือเป็นตัวการที่ทำให้เราอ้วนขึ้นหรือผอมลงนั่นเอง
ส่งผลต่อความมั่นใจในตัวเอง ไม่เป็นอันตรายต่อร่างกาย
และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ
โดยในแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่าง ๆ มาก-
น้อยแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ปริมาณของไขมันในแต่ละตำแหน่ง
ของแต่ละคน
จะส่งผลต่อผลลัพธ์หลังดูดไขมันหน้าท้องที่ได้ด้วยเช่นกันครับ

วิธีตรวจเช็คว่า เรามีไขมันสะสมที่ใต้ชั้นผิวหนังจริงไหม?
หรือจริง ๆ แล้ว สัดส่วนไม่ได้ใหญ่เพราะไขมัน
แต่เป็นกล้ามเนื้อและสภาพผิวย้วยแทน ซึ่งเราสามารถเช็คได้ว่า
เราเหมาะสมกับการดูดไขมันหรือไม่
โดยการทดสอบว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนัง
เยอะพอที่จะเหมาะสมกับการไปดูดไขมันรึเปล่า?
โดยจะมีทั้งการเช็คด้วยตัวเอง ใช้เครื่องมือ
และการไปเช็คที่โรงพยาบาล

การเช็คไขมันง่าย ๆ ด้วยตัวเองที่บ้าน โดยการทำ Pinch Test
หรือการใช้มือ ของเรา
บีบหยิบไขมันในส่วนที่เรามีความกังวล เช่นไขมันหน้าท้อง
ถ้าบีบขึ้นมาแล้ว หนา ยิ่งหนาเท่าไหร่
ก็แปลว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะเท่านั้น
ใช้ที่วัดไขมัน หรือเครื่องวัดไขมัน อย่าง Body Fat
ซึ่งเป็นเครื่องที่เรามักจะเห็นอยู่ตามฟิตเนสบ่อย ๆ
หรือขายตามแอปช้อปปิ้งออนไลน์ต่าง ๆ
แต่ละรุ่นก็จะมีความแม่นยำและราคาที่ต่างกัน
ใช้ที่วัดไขมัน หรือที่หนีบไขมัน Fat Caliper
(คาลิปเปอร์วัดไขมัน) เพื่อหนีบแล้วดูว่า
ไขมันที่ทำให้เราดูอ้วนขึ้น เป็นไขมันใต้ชั้นผิวหนังรึเปล่า
หรือเป็นไขมันในช่องท้องกันแน่ ถ้าหนีบแล้วหนา
ก็แปลว่าเรามีไขมันใต้ชั้นผิวหนังเยอะ สามารถเข้ามาพบแพทย์
เพื่อประเมินการดูดไขมันได้
การอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound)
เพื่อดูว่าชั้นไขมันของเรามีความหนาขนาดไหน

1.คนที่มีปัญหาไขมันส่วนเกิน
2.คนที่มีปัญหาสัดส่วนไม่เท่ากัน
3.คนที่ออกกำลังกายแล้ว ไขมันไม่ลด
4.คนที่อยากให้สัดส่วนลดลงทันที
5.คนที่ไม่สะดวกออกกำลังกาย
6.คนที่อยากเพิ่มความเป๊ะ ให้รูปร่าง

การดูดไขมัน ไม่ได้เหมาะกับทุกคน
ทั้งนี้ก็จะขึ้นอยู่กับสุขภาพร่างกายของคนไข้
และการประเมินของแพทย์ควบคู่กันไปครับ
ซึ่งคนที่ไม่ควรดูดไขมัน หรือดูดไขมันแล้วมีความเสี่ยงคือ
คนที่เป็นโรคเส้นเลือดหัวใจ, โรคเส้นเลือดสมอง,
โรคแพ้ภูมิตัวเอง, โรคเบาหวานที่ยังควบคุมระดับน้ำตาลไม่ได้,
โรคไทรอยด์ที่ยังควบคุมระดับไม่ได้
และอีกกรณีหนึ่งคือ เคสที่มีผิวย้วยมาก
ในกรณีอาจจะต้องใช้วิธีผ่าตัดหนังหน้าท้อง (Tummy Tuck)
หรือยกกระชับสัดส่วนด้วยพลังความร้อนสูง ๆ อย่าง J Plasma
ควบคู่ไปกับการดูดไขมันแทนได้ครับ

ตอบ การดูดไขมัน (Liposuction) มีข้อดีมากมาย
เห็นได้จากรีวิวดูดไขมัน หรือผลลัพธ์หลังดูดไขมันต่าง ๆ
แต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อเสียเลย การดูดไขมันถือเป็นการผ่าตัด
ที่ต้องระมัดระวังในการเลือกคลินิกให้ดี ไม่เน้นราคาถูก
แต่ควรเน้นที่มาตรฐาน และความปลอดภัยเป็นหลักนะครับ

ข้อดีของการดูดไขมัน
1.สัดส่วนเล็กลงในทันที
2.ลดไขมันสะสมเฉพาะจุดได้ดี
3.ช่วยปรับสัดส่วนให้เหมาะสมกัน
4.ช่วยลดขนาด Size เสื้อผ้าลง
5.ช่วยเสริมสร้างความมั่นใจ
6.ช่วยให้เคลื่อนไหวร่างกายสะดวกขึ้น
7.ช่วยให้แต่งตัวง่ายขึ้น ใส่ชุดไหนก็ดูดี
8.แผลขนาดเล็ก ไม่เป็นคีลอยด์
9.ช่วยให้หุ่นเป๊ะขึ้นกว่าเดิม
10.เอาไขมันไปเติมส่วนที่ขาดได้ (เครื่อง body-jet)

ข้อเสียของการดูดไขมัน

1.ไม่ได้ช่วยให้สุขภาพร่างกายดีขึ้น
2.อาจรู้สึกเจ็บ ระหว่างดูดไขมันได้
3.มีอาการเจ็บ บวมช้ำ หลังดูดไขมัน
4.ต้องใช้เวลาในการพักฟื้น
5.มีโอกาสที่เกิดผิวจะไม่เรียบได้*
6.อาจเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อย*
ผลลัพธ์ดูดไขมัน ขึ้นกับรายละเอียดของแต่ละเคส เช่น
สภาพร่างกาย, วิธีการรักษา (ดูดไขมันเพียงอย่างเดียว
หรือยกกระชับสัดส่วนร่วมด้วย), ปริมาณไขมัน,
เครื่องดูดไขมันที่เลือกใช้, ฝีมือแพทย์, เทคนิคของแพทย์,
มาตรฐานของคลินิกความปลอดเชื้อของห้องผ่าตัด,
การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน รวมไปถึงการเข้ามาติดตามอาการ ทำ
After Care ที่คลินิก เป็นต้นครับ

 

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ
ไม่ว่าเรื่องสถานที่มีความสะอาดหรือเปล่า เนื่องจากว่า
ถ้าสถานที่ไม่สะอาด ก็ทำให้เราเสี่ยงติดเชื้อได้
คุณหมอที่ดูดมีประสบการณ์หรือไม่
จริงๆถ้าหมอมีประสบการณ์จะทำให้รู้ตำแหน่งที่ดูดว่ายังอยู่ในชั้น
ไขมัน ไม่ได้เลยชั้น หรือไปอยู่ชั้นอื่น
หรือทะลุเข้าอวัยวะอื่นๆเรียบร้อยแล้ว

การประเมินอาการผิดปกติต่างๆ
รวมถึงประเมินยาชาที่จะให้ในปริมาณที่ปลอดภัย
ก็ไม่มีอันตรายค่ะ และอุปกรณ์ทันสมัย มีความปลอดภัย
เนื่องจากอุปกรณ์ก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อ รวมถึงไม่ชำรุด
หากทุกปัจจัยรวมกันผ่านหมดก็ปลอดภัยค่ะ

เพราะการดูดไขมันเป็นการดูดส่วนเกินที่มีอยู่ในร่างกายบางส่วน
ไม่ใช่การดูดไขมันทั้งหมดของร่างกาย
จึงทำให้สังเกตได้ว่าน้ำหนักไม่ได้เปลี่ยนแปลงจากเดิมมากเท่าไหร่
 
ฉะนั้นไม่ต้องกังวลถ้าชั่งน้ำหนักแล้วน้ำหนักไม่ค่อยลด
มาโฟกัสกับสัดส่วนที่ลดลงไปจะดีกว่า

เพราะว่าหลังดูดไขมันร่างกายจะมีอาการบวม
จากน้ำเกลือและเลือดที่ค้างอยู่ในบริเวณที่ดูดไขมัน
ซึ่งในช่วงแรกร่างกายจะระบายเลือด น้ำเกลือ
และของเสียผ่านทางบริเวณแผลที่ดูดไขมัน
หลังจากนั้นร่างกายจะค่อย ๆ ฟื้นฟูส่วนที่เสียหาย และผิวจะค่อย ๆ
กระชับขึ้นมาตามลำดับ ซึ่งอาจต้องใช้ระยะเวลา 1-3 เดือน
จึงจะเห็นผล ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลด้วยครับ

การทำเลเซอร์กระชับผิว ก็เปรียบเหมือนการซื้อออฟชั่นเสริม
การทำเลเซอร์กระชับนั้นมีส่วนช่วยให้ผิวกระชับและฟื้นฟูได้เร็วมา
กขึ้นกว่าปกติ

แต่ทั้งนี้ขึ้นอยู่ที่ความพึงพอใจว่าต้องการทำเลเซอร์เพิ่ม
หรือต้องการให้ผิวเข้าที่ตามธรรมชาติมากกว่า

หลังดูดไขมันการใส่ชุดกระชับสัดส่วนเป็นสิ่งสำคัญ
เพื่อช่วยพยุงผิวหนังไม่ให้หย่อนคล้อย
และยังช่วยให้ผิวฟิตกระชับเข้าที่ได้เร็วอีกด้วย
ดังนั้นจำเป็นต้องใส่ค่ะ

สามารถใส่ได้ หลังจาก 1-2สัปดาห์ ในช่วงแรกอาจใส่ผ้ารัด
เพื่อให้กระชับ แต่ถ้าน้ำไม่ไหลแล้วก็สามารถใส่ได้เลย ใส่ไปนาน 6-
8เดือน เพื่อให้รูปร่างกระชับได้รูปค่ะ (ทนหน่อยแต่สวยแน่นอน)

“กลับมาอีกได้ค่ะ” เนื่องจากไขมันสามารถสะสมได้ใหม่
จากการที่เรารับประทานอาหารมากเกินไป หรือทานอาหารจำพวก
ทอด อาหารที่มีมัน แป้ง และหวาน ซึ่งอาหารจำพวกนี้
สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นไขมันได้ค่ะ แนะนำว่าหลังดูดไขมัน
ประมาณ 1 – 2 เดือน ควรเริ่มออกกำลังกายประมาณ 2-3
ครั้ง/สัปดาห์ และกินอาหารที่มีประโยชน์มากขึ้น
เท่านี้ก็จะช่วยให้เห็นผล ไม่เสียเปล่า

ใช้เวลาประมาณ 2-4ชั่วโมง ขึ้นกับว่าเราดูดตำแหน่งไหนบ้าง

“เจ็บทนได้ครับ” เจ็บแค่ตอนฉีดยาชา ตอนทำก็ไม่เจ็บแล้วครับ

จริงๆหลังทำแนะนำว่า “ควรขยับเคลื่อนไหวร่างกาย
เพื่อให้ลดอาการบวมได้เร็ว และร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วค่ะ”
แต่ถ้าไม่สะดวกในช่วงแรกในการที่จะมีน้ำไหลออกมาในช่วงแรก
อาจให้พัก 3-5วันค่ะ

ไขมันจากร่างกายสามารถนำไปเติมส่วนอื่นของร่างกายได้
โดยการนำเซลล์ไขมันไปคัดแยกเซลล์ไขมันดี แล้วนำมาเติม
ซึ่งบริเวณที่แพทย์นิยมเติมคือบริเวณ หน้าผาก, จมูก, ร่องแก้ม,
ริมฝีปาก เพื่อให้ดูเต็มอิ่ม เป็นรูปทรงตามที่ต้องการ
โดยไม่เป็นอันตรายอีกด้วย

1.WATER JET ASSISTED LIPOSUCTION
การดูดไขมันแบบ Water Jet Assisted Liposuction
คือการดูดไขมันด้วยพลังน้ำ ซึ่งเครื่องที่ได้รับความนิยม
 
และเป็นที่รู้จักในวงกว้าง คือ เครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet
(บอดี้เจ็ท) นวัตกรรมใหม่ล่าสุดจากเยอรมัน
สำหรับ Water Jet คือ การใช้พลังงานน้ำ
ฉีดพ่นเข้าไปในรูปแบบใบพัด (Fan Shape)
เพื่อทำให้เซลล์ไขมันแตกตัว (ไม่ใช่การทำลาย)

ไขมันจะแยกตัวออกจากกัน
โดยที่ทำให้เกิดความเจ็บระหว่างดูดไขมันน้อยมากครับ
เสียเลือดน้อยที่สุด นอกจากนี้ ยังสามารถนำเซลล์ไขมันที่ได้
ไปเติมเต็มบริเวณอื่นของร่างกายได้ด้วย (การฉีดไขมัน)
เพราะไขมันถูกสลายอย่างอ่อนโยน ทำให้เซลล์ไขมันไม่ตาย
และมีประสิทธิภาพสูง

ข้อดีของเครื่อง body-jet
1.เจ็บน้อย และเสียเลือดน้อย
2.มีความเจ็บหลังดูดไขมันน้อย
3.ใช้เวลาพักฟื้นเร็วมาก (ส่วนใหญ่ไม่ต้องพักฟื้น)
4.มีอาการหลังดูดไขมันน้อย
5.มีความบวมช้ำ ฟกช้ำน้อย
6.ผิวเรียบ ไม่เป็นคลื่นบุ๋ม
7.สามารถไขมันไปเติมต่อได้

ข้อเสียของเครื่อง body-jet
1.ใช้เวลาสลายไขมันนานกว่าเครื่องอื่น ๆ เล็กน้อย
2.ยังไม่เห็นผลชัดทันทีหลังทำ เพราะมีความบวมน้ำใต้ผิว
3.สัดส่วนจะเริ่มเข้าที่หลังดูดไขมัน ประมาณ 6 สัปดาห์
4.ช่วงวันแรก ๆ หลังดูดไขมัน จะมีน้ำไหลออกจากแผลเยอะ
อาจทำให้เตียง และเสื้อผ้าเปื้อนได้

2.ULTRASONIC ASSISTED LIPOSUCTION
เป็นการใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์ (Ultrasound)
มาช่วยในการทำลายเซลล์ไขมัน คือเครื่องดูดไขมันVaser Smooth 2.2
และ เครื่องดูดไขมัน Ultra Z วิธีการทำงานคือ
ปล่อยพลังคลื่นเสียงออกมา และเมื่อพลังงานความร้อนสูงพอ
ไขมันก็จะแตกตัวออกจากภายใน และกลายเป็นน้ำมันครับ
เหมาะสำหรับเคสที่ต้องการดูดไขมันทิ้ง, เคสดูดไขมันหน้าท้องผู้ชาย,
เคสดูดไขมันผู้ชาย, เคสคนที่มีสัดส่วนใหญ่ ไขมันเยอะ
หรือเป็นเคสที่เคยดูดไขมันมาแล้ว เกิดพังผืดเยอะ เป็นต้น
แนะนำว่าต้องเป็นแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ และมีประสบการณ์
เพื่อลดความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดผิวไหม้ได้ลงนะครับ
 
ข้อดีของเครื่องดูดไขมันอัลตร้าซาวด์
1.ใช้เวลาดูดไขมันไม่นาน
2.สลายไขมันได้อย่างรวดเร็ว
3.ดูดไขมันได้เยอะ ในครั้งเดียว
4.เห็นความเปลี่ยนแปลงหลังทำชัดเจน
ข้อเสียของเครื่องดูดไขมันอัลตร้าซาวด์
1.รู้สึกเจ็บ ระหว่างดูดไขมันยาชา
2.บวม ระบม ฟกช้ำ มากกว่าเครื่องพลังน้ำ
3.หลังดูดไขมันจะมีอาการเจ็บได้บ้าง
4ไม่สามารถเอาไขมันไปเติมได้
5.มีโอกาสเกิดก้อนแข็งใต้ผิวได้
6.ใช้เวลาในการพักฟื้นหลายวัน

3.POWER ASSISTED LIPOSUCTION
การดูดไขมันด้วยพลังงานกล (PAL : Power Assisted Liposuction)
จะไม่มีการใช้พลังงานความร้อน หรือพลังงานเข้ามาช่วย
ลักษณะของการสลายไขมัน จะคล้ายกับ Manual Liposuction
เพียงแต่การดูดไขมันพลังงานกล จะเป็นเครื่องมือ
ก็จะช่วยเบาแรงแพทย์ได้ วิธีการทำงานคือ
การเพิ่มความถี่ของการขยับเข็มดูดไขมัน
จนทำให้ไขมันแตกตัวออกจากกันครับ
 
4.LASER ASSISTED LIPOSUCTION
การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ (Laser Diode Liposuction หรือ Laser-
Assisted Liposuction) คือการนำเทคโนโลยีเลเซอร์
เข้ามาช่วยสลายไขมัน
แต่พลังงานเลเซอร์จะผลิตความร้อนได้ค่อนข้างน้อย ที่ระดับอุณหภูมิ
40-60°C จึงทำให้ใช้เวลาในการดูดไขมันนาน แถมดูดไขมันได้น้อย
เห็นผลช้า จึงไม่เป็นที่นิยมแล้วในปัจุบัน
ซึ่งข้อดีของการดูดไขมันเลเซอร์คือมีความปลอดภัยสูง
 
5.SUCTION ASSISTED LIPOSUCTION
การดูดไขมันด้วยท่อธรรมดา (SAL : Suction Assisted Liposuction)
ถูกพัฒนามาจากการดูดไขมันแบบ Manual Liposuction
ด้วยแนวคิดที่ว่า ดูดไขมันยังไงให้ได้ปริมาณที่เยอะขึ้น ใช้เวลาน้อยลง
ลดความเจ็บลง และเสียเลือดน้อยลง ในช่วงนี้เองที่มีการนำ
Tumescent เข้ามาใช้ครับ จึงกลายเป็นการดูดไขมันแบบ SAL
ระหว่างที่สลายไขมัน
ไขมันที่ถูกสลายไปแล้วก็จะถูกดูดออกมาพร้อม ๆ กัน
แต่ในปัจจุบัน

แพทย์ส่วนใหญ่จะไปใช้เครื่องดูดไขมันที่มีพลังงานต่าง ๆ
เข้ามาช่วยสลายไขมันมากกว่า เพราะการดูดไขมันแบบ SAL
ก็ยังใช้เวลานานกว่า ดูดไขมันแล้วเจ็บกว่า และใช้เวลาพักฟื้นนานกว่า
เมื่อเทียบกับเครื่องดูดไขมันรุ่นใหม่ ๆ ในปัจจุบัน
อย่างเครื่องดูดไขมันพลังน้ำ body-jet, Vaser Smooth 2.2 หรือ Ultra
Z เป็นต้นครับ
 
6.MANUAL LIPOSUCTION
การดูดไขมันแบบดั้งเดิม หรือสมัยก่อน (Manual Liposuction หรือ
Conventional Liposuction)
เป็นการดูดไขมันที่ไม่ได้มีเครื่องมือมาช่วย ใช้เพียงแรงมือแพทย์
กระทุ้งไซริงค์เข้าไปที่ชั้นไขมัน และดูดไขมันออกมา
การดูดไขมันวิธีนี้ ทำให้เกิดความเสียหายกับเส้นเลือด
และเส้นประสาทเยอะ จึงทำให้เสียเลือดมาก มีความเจ็บมาก
ใช้เวลาพักฟื้นนาน
สำหรับการดูดไขมันในตำแหน่งที่มีปริมาณไขมันเยอะ
 
การดูดไขมันด้วยวิธีนี้ จึงเหมาะกับเคสดูดไขมันเหนียง
หรือดูดไขมันน้อย ๆ สำหรับเอาไปฉีดไขมันหน้าเด็ก เป็นต้น

7.การดูดไขมันผิวไม่ย้วย ด้วย J PLASMA
J Plasma (เจพลาสมา) เป็นเครื่องยกกระชับผิว กระชับสัดส่วน
โดยเฉพาะ ไม่ใช่เครื่องดูดไขมันแต่อย่างใด
เหมาะกับการใช้ควบคู่ไปกับการดูดไขมัน ซึ่งเครื่อง J Plasma
เป็นนวัตกรรมการยกกระชับผิว ใหม่ล่าสุด และดีที่สุดจากอเมริกา
มีมาตรฐานและราคาต้นทุนเครื่องค่อนข้างสูง
จึงทำให้มีคลินิกดูดไขมันไม่กี่แห่งเท่านั้น ที่มีเครื่องนี้ โดย Amara
Clinic เรามีเคสยกกระชับสัดส่วน ด้วย J Plasma
เยอะที่สุดในทวีปเอเชีย!
J Plasma จะช่วยให้เห็นผลลัพธ์หลังดูดไขมันชัดเจนมากขึ้น,
ร่างกายฟื้นฟูเร็วขึ้น, ลดปัญหาผิวย้วย ผิวหย่อนคล้อนได้อย่างตรงจุด,
ลดเวลาการใส่ชุดกระชับหลังดูดไขมัน,
ผิวกระชับเรียบตึงทันทีหลังทำ, ได้ผลลัพธ์ 80%
ของการผ่าตัดหนังหน้าท้อง
และสามารถทำได้หลายบริเวณที่มีปัญหาผิวหย่อนคล้อยเลยครับ

แนะนำการเตรียมตัวก่อนดูดไขมันด้วยวิธีการใช้ยาชา มีดังนี้
1.นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
2.รับประทานอาหารเช้าให้เรียบร้อย
3.งดชา กาแฟ น้ำอัดลม เพื่อไม่ให้ปวดปัสสาวะระหว่างดูดไขมัน
4.สวมเสื้อผ้าหลวม ๆ มีสีเข้ม และใส่สบาย
5.พาเพื่อนหรือญาติมาด้วย เพื่อพากลับบ้าน (ห้ามขับรถกลับเอง)

การดูแลตัวเองหลังดูดไขมัน ในช่วง 1 เดือนแรก
ต้องดูแลตัวเองเป็นพิเศษตามที่เจ้าหน้าที่และแพทย์แนะนำ
เพื่อให้แผลแห้งไวไม่ติดเชื้อ ร่างกายได้ฟื้นฟูตัวเองอย่างเต็มที่
มีอาการบวมน้อยลง เจ็บน้อยลง และเพื่อให้สัดส่วนเข้าที่เร็วมากขึ้น
สำหรับวิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันฉบับ Amara Clinic ในช่วง 1
เดือนแรก มีดังนี้

1.รับประทานยาฆ่าเชื้อ, ยาแก้อักเสบ, ยาแก้ปวด และยาลดบวม
ตามคำแนะนำของแพทย์ และถ้าต้องการให้แผลสมานตัวเร็วขึ้น
แนะนำให้ทาน Vitamin B Complex และ Vitamin C เพิ่ม

2.ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อและปิดแผลด้วยผ้าก๊อซเป็นประจำทุกวัน จนกว่าแผลจะแห้ง และพร้อมที่จะตัดไหมออกไป

3.ห้ามให้แผลโดนน้ำหรือน้ำแข็งแผลเด็ดขาด
เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อได้
หากพบว่ามีเหงื่อออกเยอะจนทำให้แผลชื้น หรือแผลเปียกชื้น
ให้รีบเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่ทันที
(ไม่แนะนำให้ใช้พลาสเตอร์แบบกันน้ำ)

4.เพื่อทดแทนน้ำที่ร่างกายสูญเสียไปในระหว่างดูดไขมัน
แนะนำให้ดื่มน้ำประมาณวันละ 1-2 ลิตร
หากมีอาการอ่อนเพลียสามารถดื่มเกลือแร่เสริมได้
แต่ให้ดื่มในปริมาณน้อย เพราะอาจทำให้บวมเยอะขึ้นได้

5.รับประทานอาหารให้ครบ 3 มื้อ โดยเน้นการทานโปรตีนจาก
เนื้อปลา ไข่ นมถั่วเหลือง และธัญพืช

6.หลีกเลี่ยงอาหารไม่สะอาด อาหารทะเล อาหารเค็ม ของหมักดอง
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาหารที่มีน้ำตาลสูง และงดสูบบุหรี่ด้วย
เพราะจะทำให้แผลหายช้า
งดยาและอาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด 2 สัปดาห์ เช่น
Aspirin, Warfarin, Vitamin E, Fish oil หรือ Ginko เป็นต้น

7.สวมชุดกระชับสัดส่วนวันละ 18-20 ชั่วโมง
หลังจากใส่ไปแล้วประมาณ 4-6 ชั่วโมง
แนะนำให้ปลดตะขอหรือถอดพักประมาณ 30 นาที – 1 ชั่วโมง
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดแผลกดทับ

8.เคลื่อนไหวร่างกายช้า ๆ ในทุก ๆ 1-2 ชั่วโมง
เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด และป้องกันไม่ให้แผลตึงรั้ง

9.หากมีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้สูง แผลผ่าตัดบวมแดงร้อน
คลื่นใส้อาเจียนมาก มีแผลจากการใส่ชุดกระชับ ให้รีบมาพบแพทย์

10.สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ
แต่แนะนำให้หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายและยกของหนัก 1 เดือน
เพื่อไม่ให้มีการบาดเจ็บมากขึ้น

คำถามที่พบบ่อยในการดูดไขมัน

การดูดไขมันไม่ได้อันตรายถ้าหากคนไข้ได้รับการประเมินบริเวณที่จะดูด
ไขมัน และผลเลือดไม่มีความผิดปกติ
รวมถึงการใช้ยาชาในปริมาณที่เหมาะสมค่ะ

มีโอกาสที่ไขมันจะกลับมาได้ค่ะ
เนื่องจากไขมันนั่นสะสมได้ใหม่เรื่อยๆ
หากดูดไขมันไปแล้วไม่ออกกำลังกายหรือรับประทานอาหารที่ไม่เหมาะสม
เช่นของทอด ของหวาน และแป้ง
อาหารจำพวกนี้จะเปลี่ยนมาเป็นไขมันสะสมได้ค่ะ

ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมัน อย่างต่ำคือ1ชั่วโมงค่ะ

หลังดูดไขมันแล้ว ควรดื่มน้ำเยอะๆและพักผ่อนให้เพียงพอ
สวมชุดกระชับไว้ ทานอาหารที่มีโปรตีน
งดอาหารที่จะทำให้ก่อการเกิดไขมันขึ้นมาได้
และ1เดือนหลังดูดไขมันควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

แนะนำให้สวมชุดกระชับไว้24ชั่วโมงเป็นเวลา3วันยกเว้นตอนอาบน้ำ
จากนั้นลดเหลือ12ชั่วโมงเวลากลางวันหรือกลางคืนตามความสะดวกของ
คนไข้ ใส่เป็นเวลา1เดือน

เพื่อกระชับสัดส่วนของร่างกายให้เข้าที่ไม่ให้เกิดการหย่อนคล้อยเสียรูปร่
าง

การดูดไขมันจะใช้ยาชาในการทำ
คนไข้จะเจ็บแค่ช่วงที่ฉีดยาชาแต่เจ็บแบบทนได้
หลังจากยาชาออกฤทธิ์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บแล้วค่ะ

ในช่วงแรกให้พัก3-5วัน
แต่แนะนำให้ขยับร่างกายบ้างเล็กน้อยเพื่อไม่ให้เกิดอาการบวม
และจะทำให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วยิ่งขึ้นค่ะ

ไม่แนะนำให้ดูดไขมันพร้อมกันทีเดียวทั้งตัวควรแยกทำทีละส่วน
โดยการเว้นระยะเวลาสัก1เดือน
เพราะจะมีความเสี่ยงในการทำและจะมีปริมาณยาชาที่เกินขนาดมากเกินไ
ปค่ะ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยค่ะ
เรื่องสถานที่มีความสะอาดหรือเปล่า เนื่องจากว่า
ถ้าสถานที่ไม่สะอาด ก็ทำให้เราเสี่ยงติดเชื้อได้
คุณหมอที่ดูดมีประสบการณ์หรือไม่
จริงๆถ้าหมอมีประสบการณ์จะทำให้รู้ตำแหน่งที่ดูดว่ายังอ
ยู่ในชั้นไขมัน ไม่ได้เลยชั้น หรือไปอยู่ชั้นอื่น
หรือทะลุเข้าอวัยวะอื่นๆเรียบร้อยแล้ว
การประเมินอาการผิดปกติต่างๆ
รวมถึงประเมินยาชาที่จะให้ในปริมาณที่ปลอดภัย
ก็ไม่มีอันตรายค่ะ และอุปกรณ์ทันสมัย มีความปลอดภัย
เนื่องจากอุปกรณ์ก็ต้องผ่านการฆ่าเชื้อ รวมถึงไม่ชำรุด

“กลับมาอีกได้ค่ะ”
เนื่องจากไขมันสามารถสะสมได้ใหม่
จากการที่เรารับประทานอาหารมากเกินไป
หรือทานอาหารจำพวก ทอด อาหารที่มีมัน แป้ง

และหวาน ซึ่งอาหารจำพวกนี้
สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นไขมันได้ค่ะ

จริงๆหลังทำแนะนำว่า “ควรขยับเคลื่อนไหวร่างกาย
เพื่อให้ลดอาการบวมได้เร็ว
และร่างกายจะฟื้นตัวได้เร็วค่ะ”
แต่ถ้าไม่สะดวกในช่วงแรกในการที่จะมีน้ำไหลออกมาใน
ช่วงแรก อาจให้พัก 3-5วันค่ะ

หลังการดูดไขมัน
สามารถออกกำลังการได้หลังจากตัดไหมแล้วประมาณ
10-14 วัน และแผลจะต้องแห้งสนิท ซึ่งในช่วงเดือนแรก
แนะนำให้ออกกำลังกายเบาๆ เช่น เดินบนลู่วิ่ง
หรือไม่ออกหนักบริเวณที่เพิ่งทำการดูดไขมัน
และสามารถออกกำลังกายได้เต็มที่หรือเข้าฟิตเนส
ในช่วงเดือนที่ 2 หรือ 3 หลังดูดไขมันค่ะ

รอยช้ำและอาการบวมนั้นจะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับสภา
พร่างกายของแต่ละคนแต่เฉลี่ยแล้วระยะเวลาในการพักฟื้
นจะอยู่ที่ 2 สัปดาห์ไปจนถึง 1 เดือน
ในกรณีที่มีอาการเจ็บหรือปวดขึ้นมานั้นเป็นอาการปกติห
ลังจากดูดไขมัน
จะมีอาการปวดแปลบที่กล้ามเนื้อประมาณ 7-10
วันและจะดีขึ้นเองตามธรรมชาติ

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นหลังการดูดไขมันที่เรามักคิดถึงเ
ป็นอย่างแรกคือผิวหย่อนคล้อย

แต่ก็ขึ้นอยู่กับสภาพผิวหนังของแต่ละคนด้วยเช่นกัน
หากเอาแค่ไขมันออกในปริมาณที่เหมาะสมก็สามารถเลี่ย
งการเกิดผลข้างเคียงได้ ในกรณีของคนที่อายุยังน้อย
ผิวหนังสามารถปรับสภาพได้เร็ว
ผลข้างเคียงหลังการดูดไขมัน อย่างเช่น
การสูญเสียความยืดหยุ่นของผิวหนังจึงมีเปอร์เซนต์ต่ำมา
ก สำหรับคนที่ผิวมีความยืดหยุ่นน้อย
หลังจากดูดไขมันแล้วควรใส่ชุดกระชับสัดส่วนเพื่อช่วยก
ระชับผิวในบริเวณที่ดูดไขมันไปและลดการเกิดปัญหาผิว
หย่อนคล้อยที่อาจตามมา

หลังจากดูดไขมันไปแล้ว ในช่วง 2 สัปดาห์แรก
บริเวณที่เราดูดไขมันจะมีความช้ำ ความระบม
และบวมมาก หลังดูดไขมันไปประมาณ 2 สัปดาห์
สัดส่วนจึงค่อย ๆ เริ่มยุบ และเข้าสู่สภาวะปกติค่ะ

หลังทำการดูดไขมันไป
คนไข้สามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติทุกอย่างเลยนะคะ
ไม่ว่าจะไปทานข้าว หรือไปช้อปปิ้งนอกบ้าน

เพียงแค่มีข้อปฏิบัติตัวเพิ่มเติมในการดูแลตัวเองหลังทำกา
รดูดไขมันเท่านั้นเองค่ะ

หลังทำการดูดไขมันไป ยิ่งแผลแห้ง สมานไว
สัดส่วนก็จะเข้าที่เร็วขึ้น คนไข้ต้องดูแลตัวเองให้ดี
การดูแลแผลหลังดูดไขมันเป็นสิ่งสำคัญนั่นคือ
ห้ามให้แผลผ่าตัดติดเชื้อ ห้ามโดนน้ำ ห้ามเปียก ห้ามชื้น
เพราะจะทำให้แผลติดเชื้อได้ง่าย
แนะนำให้เช็ดตัวแทนการอาบน้ำ 7 วัน
จนกว่าจะถึงเวลานัดติดตามผล เพื่อทำการตัดไหม
แต่ทั้งนี้ต้องดูว่าแผลเราแห้งดีหรือไม่
หากแผลแห้งสนิทคุณหมอถึงจะพิจารณาว่าสามารถโดน
น้ำได้แล้วค่ะ

เมื่อแผลหายดีการซ่อมแซมร่างกาย จะฟื้นฟูได้ไว
ทานอาหารที่มีประโยชน์เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหาร
อย่างเพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วมากขึ้น

การดูดไขมันเป็นวิธีที่ปลอดภัยและไม่อันตราย
ซึ่งได้รับการยอมรับจากศัลยแพทย์ทั่วโลกว่าเป็นวิธีกำจัด
ไขมันส่วนเกินเห็นผลรวดเร็วที่สุด

1. เครื่องดูดไขมัน Vaser

เครื่องดูดไขมันเวเซอร์ (Vaser Liposelection)
เป็นเครื่องดูดไขมันหน้าท้องส่งตรงมาจากอเมริกา
ทำงานโดยใช้พลังงานคลื่นเสียงอัลตร้าซาวด์มาสร้างควา
มร้อนมาสลายไขมันสำหรับผู้ที่มีไขมันตรงน้ำท้องเยอะ
รุ่นนี้นอกจากการดูดไขมันหน้าท้องได้แล้วยังสามารถกำจัดพังผืดใต้ผิวได้ดี
จึงช่วยลดปัญหาเซลลูไลท์และผิวเปลือกส้มลงได้

2. เครื่องดูดไขมัน Ultra Z

เครื่องดูดไขมันรุ่น Ultra Z
เป็นเครื่องดูดไขมันหน้าท้องโดยใช้คลื่นเสียงอัลตร้าซาว
ด์สลายไขมันส่วนเกิน
เหมาะสำหรับคนตัวเล็กและผู้ที่ไม่เคยมีประวัติทำการรักษ
าดูดไขมันหน้าท้องมาก่อน

3. เครื่องดูดไขมัน body-jet

เครื่องดูดไขมันรุ่น body-jet
เป็นเครื่องที่สลายไขมันด้วยน้ำ
ข้อดีของรุ่นนี้คือลดอาการเจ็บจากการดูดไขมันหน้าได้ดี
ลดการช้ำหลังการรักษาได้ดี
และสามารถเติมไขมันหรือฉีดไขมันส่วนที่เราต้องการได้
อีกด้วย

4. เครื่องดูดไขมัน MicroAire PAL

เครื่องดูดไขมันรุ่น MicroAire PAL
ใช้ระบบสั่นสะเทือนในการรักษา
มีข้อดีที่เด่นชัดที่สุดคือหลังทำ แผลเล็ก ไม่เจ็บ
ไม่ต้องพักฟื้นนาน
และเห็นผลลัพธ์หลังการรักษาได้รวดเร็ว

5. เครื่องดูดไขมัน Body Tite

เครื่องดูดไขมันกรุ่น Body Tite
เครื่องมือที่ใช้ระบบคลื่นวิทยุในการรักษาเพื่อกระตุ้นคอล
ลาเจนใต้ผิว มีดีกว่าเครื่องอื่นๆ โดยจะเห็นสองผลลัพธ์คือ
1. สามารถดูดไขมันหน้าท้องได้ดี 2. กระชับผิวที่ย่น
ตัวนี้เหมาะที่สุดสำหรับผู้ที่มีอาการเหี่ยวย่นบนหน้าท้อง
และต้องการดูดไขมันไปพร้อมกัน

 

อาการหลังดูดไขมันหน้าท้องจะมีหลายอาการ
โดยเฉพาะหลังดูไขมันวันแรก คือ อาการวิงเวียนศีรษะ
คลื่นไส้ อาเจียน และอาการบวม
อาการปวดที่เกิดขึ้นกับผู้รับการรักษาดูดไขมันหน้าท้องข
องแต่ละคน
รวมไปถึงอาจมีน้ำไหลออกจากแผลผ่าตัดหากรับการรักษ
าดูดไขมันหน้าท้องแบบ Body Jett
อาการเหล่านี้ไม่น่ากลัวหากได้รับการรักษาจากผู้เชี่ยวช
าญ

– ผู้ที่มีไขมันสะสมหน้าท้องในชั้นใต้ผิวหนัง

ผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณหน้าท้องจนเกิดเป็นลักษณะ
หน้าท้องใหญ่ ย้วย ไม่เป็นทรง
– ผู้ที่มีลักษณะหน้าท้องเป็นพุงหมาน้อย
– ผู้ที่มีลักษณะหน้าท้องเป็นพุงยื่นมีห่วงยางรอบเอว
– ผู้ที่ต้องการปรับสมดุลรูปร่างให้ลีนและเฟิร์มมากขึ้น
– ผู้ที่ต้องการความมั่นใจในรูปร่างตนเอง
– ผู้ที่อยากให้หน้าท้องแบนราบ บาลานซ์กับทุกสัดส่วน

การดูแลแผลหลังการรักษาดูดไขมันหน้าท้องสามาร
ถทำได้โดยเข้าทำแผลกับคลินิกหรือโรงพยาบาลหลั
งรับการรักษาดูดไขมันหน้าท้องหรือเราสามารถทำแ
ผลเองที่บ้านก็ได้
วิธีทำความสะอาดแผล
ทำความสะอาดแผลด้วยยาฆ่าเชื้อและปิดแผลด้วยผ้าก๊อซ
เป็นประจำทุกวัน
จนกว่าแผลจะแห้งหรือหากแผลบริเวณที่รับการดูดไ
ขมันหน้าท้องมีเหงื่อออกเยอะจนชื่น หรือเปียก
ควรทำแผลและเปลี่ยนผ้าก๊อซใหม่
เพื่อป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ

คำถามที่พบบ่อยเรื่องดูดไขมัน

เป็นการศัลยกรรมที่ช่วยยกกระชับสัดส่วนและทำให้ร่างกายมีส่วนโงที่ชัดเจนโดยการ
กำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณชั้นผิวและใต้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ

ในร่างกายของเราจะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งสามารถดูดไขมันได้ตาม
ต้นแขน ต้นขา เหนียง สะโพก
หน้าท้องส่วนบนและส่วนล่างและมีผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราไม่เป็นอันต
รายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ
โดยในแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่างๆ มาก-น้อยแตกต่างกันไป

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ไม่ว่าเรื่องสถานที่ที่ทำสะอาดหรือเปล่า
ถ้าสถานที่ไม่สะอาด ก็ทำให้เราเสี่ยงติดเชื้อได้คุณหมอที่ดูดมีประสบการณ์หรือไม่
จริงๆถ้าหมอมีประสบการณ์จะทำให้รู้ตำแหน่งที่ดูดว่ายังอยู่ในชั้นไขมัน ไม่ได้เลยชั้น
หรือไปอยู่ชั้นอื่น หรือทะลุเข้าอวัยวะอื่นๆครับ

ไม่นานครับ ใช้เวลาประมาณ 30นาที ถึง 1 ชั่วโมง
และขึ้นอยู่กับว่าเราดูดตำแหน่งไหนบ้าง และจุดนั้นอยู่ตำแหน่งไหน
มีลักษณะเป็นยังไง ยาก-ง่ายขึ้นแตกต่างกันไปครับ

หมอบอกเลยว่า “กลับมาอีกได้ครับ” เนื่องจากไขมันสามารถสะสมได้ใหม่
จากการที่เรารับประทานอาหารมากเกินไป หรือทานอาหารจำพวก ทอด อาหารที่มีมัน
แป้ง และหวาน ซึ่งอาหารจำพวกนี้ สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นไขมันได้ค่ะ

ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังอยู่ค่อนข้างน้อย
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นไขมันในช่องท้องที่ไม่สามารถดูดไขมันออกมาได้
โดยแต่ละเคสจะมีปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินให้ว่า
เรามีไขมันสะสมหน้าท้องส่วนบน เยอะแค่ไหน
ต้องดูดไขมันหน้าท้องบนออกมาเท่าไหร่ จึงจะออกมาสวย

ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใคร ๆ ก็พบเจอ โดยเฉพาะสาว ๆ ตัวเล็กจะเห็นได้ชัดมาก
ซึ่งส่วนเกินตรงนี้ เราจะเรียกว่า “พุงหมาน้อย”
จะเป็นลักษณะของพุงป่องออกมาที่หน้าท้องส่วนล่าง ทำให้ใส่เสื้อผ้าไม่สวย
รูปร่างดูไม่เป๊ะ โดยส่วนใหญ่เคสที่มาดูดไขมันหน้าท้อง
จะมีปัญหาตรงหน้าท้องส่วนล่าง

คนที่มีไขมันสะสมหน้าท้องอย่างเช่นคุณแม่หลังคลอด
ที่หน้าท้องไม่ยุบที่ต้องการให้หน้าท้องแบนราบ หน้าท้องใหญ่
ไขมันเยอะคนที่ต้องการให้รูปร่างเป๊ะขึ้นครับ

มีหน้าท้องมีขนาดเล็กลง บุคลิกภาพดีขึ้น รูปร่างมีสัดส่วนที่เป๊ะ
แต่งตัวได้หลากหลายมากขึ้น ทำให้มั่นใจในตัวเอง

ส่วนที่เจ็บที่สุดคือข้อเท้า รองลงมาแผ่นหลัง ต่อด้วยท้องบน และต้นขา

ไม่เจ็บเลยเป็นจุดที่เจ็บน้อยที่สุดครับ

เพราะมียาชาจะเจ็บเฉพาะตอนที่ฉีดยาชาแต่ปัญหาจะขึ้นอยู่กับบ้างคนที่ตื่นเต้นเวล
าเข็มอยู่ใกล้บริเวณหน้าก็จะทำให้คุณหมอการทำงานหน่อยครับ

ต้องเข้าใจก่อนว่าการดูดไขมันนั้นไม่ใช่การ
“ลดน้ำหนัก” เราจะต้องสำรวจพฤติกรรมการกินของตัวเองก่อนว่าเป็นแบบไหน
ถ้าหากเป็นคนชอบทานแบบไม่หยุดหรือไม่ควบคุมอาหารแล้วหวังว่าการดูดไขมัน
นั้นจะช่วยให้น้ำหนักลดลง
ต่อให้คุณดูดก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะว่าไขมันสามารถเกิดได้ตลอดเวลา

การดูแลหลังการดูดไขมันและดูผลติตามหลังทำ
งดรับประทานวิตามินซีบางชนิด และงดดื่มแอลกอฮอลล์

ตอบโดยทั่วไปหลังการดูดไขมันหน้าท้องร่างกายจะปรับสภาพกลับมาเป็นได้
ภายใน1-2สัปดาห์ โดต้องดูแลร่างกายตามคุณหมอแนะนำ

บริเวณสะโพกที่มากเกินไป มีไขมันสะสมบริเวณสะโพก ใส่กางเกงไม่สวย
มีเนื้อปลิ้น เพื่อให้ผิวบริเวณสะโพกมีความกระชับได้รูปมากยิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเรื่องดูดไขมัน

เป็นการศัลยกรรมที่ช่วยยกกระชับสัดส่วนและทำให้ร่างกายมีส่วนโงที่ชัดเจนโดยการ
กำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณชั้นผิวและใต้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ

ในร่างกายของเราจะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งสามารถดูดไขมันได้ตาม
ต้นแขน ต้นขา เหนียง สะโพก
หน้าท้องส่วนบนและส่วนล่างและมีผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราไม่เป็นอันต
รายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ
โดยในแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่างๆ มาก-น้อยแตกต่างกันไป

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ไม่ว่าเรื่องสถานที่ที่ทำสะอาดหรือเปล่า
ถ้าสถานที่ไม่สะอาด ก็ทำให้เราเสี่ยงติดเชื้อได้คุณหมอที่ดูดมีประสบการณ์หรือไม่
จริงๆถ้าหมอมีประสบการณ์จะทำให้รู้ตำแหน่งที่ดูดว่ายังอยู่ในชั้นไขมัน ไม่ได้เลยชั้น
หรือไปอยู่ชั้นอื่น หรือทะลุเข้าอวัยวะอื่นๆครับ

ไม่นานครับ ใช้เวลาประมาณ 30นาที ถึง 1 ชั่วโมง
และขึ้นอยู่กับว่าเราดูดตำแหน่งไหนบ้าง และจุดนั้นอยู่ตำแหน่งไหน
มีลักษณะเป็นยังไง ยาก-ง่ายขึ้นแตกต่างกันไปครับ

หมอบอกเลยว่า “กลับมาอีกได้ครับ” เนื่องจากไขมันสามารถสะสมได้ใหม่
จากการที่เรารับประทานอาหารมากเกินไป หรือทานอาหารจำพวก ทอด อาหารที่มีมัน
แป้ง และหวาน ซึ่งอาหารจำพวกนี้ สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นไขมันได้ค่ะ

ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังอยู่ค่อนข้างน้อย
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นไขมันในช่องท้องที่ไม่สามารถดูดไขมันออกมาได้
โดยแต่ละเคสจะมีปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินให้ว่า
เรามีไขมันสะสมหน้าท้องส่วนบน เยอะแค่ไหน
ต้องดูดไขมันหน้าท้องบนออกมาเท่าไหร่ จึงจะออกมาสวย

ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใคร ๆ ก็พบเจอ โดยเฉพาะสาว ๆ ตัวเล็กจะเห็นได้ชัดมาก
ซึ่งส่วนเกินตรงนี้ เราจะเรียกว่า “พุงหมาน้อย”
จะเป็นลักษณะของพุงป่องออกมาที่หน้าท้องส่วนล่าง ทำให้ใส่เสื้อผ้าไม่สวย
รูปร่างดูไม่เป๊ะ โดยส่วนใหญ่เคสที่มาดูดไขมันหน้าท้อง
จะมีปัญหาตรงหน้าท้องส่วนล่าง

คนที่มีไขมันสะสมหน้าท้องอย่างเช่นคุณแม่หลังคลอด
ที่หน้าท้องไม่ยุบที่ต้องการให้หน้าท้องแบนราบ หน้าท้องใหญ่
ไขมันเยอะคนที่ต้องการให้รูปร่างเป๊ะขึ้นครับ

มีหน้าท้องมีขนาดเล็กลง บุคลิกภาพดีขึ้น รูปร่างมีสัดส่วนที่เป๊ะ
แต่งตัวได้หลากหลายมากขึ้น ทำให้มั่นใจในตัวเอง

ส่วนที่เจ็บที่สุดคือข้อเท้า รองลงมาแผ่นหลัง ต่อด้วยท้องบน และต้นขา

ไม่เจ็บเลยเป็นจุดที่เจ็บน้อยที่สุดครับ

เพราะมียาชาจะเจ็บเฉพาะตอนที่ฉีดยาชาแต่ปัญหาจะขึ้นอยู่กับบ้างคนที่ตื่นเต้นเวล
าเข็มอยู่ใกล้บริเวณหน้าก็จะทำให้คุณหมอการทำงานหน่อยครับ

ต้องเข้าใจก่อนว่าการดูดไขมันนั้นไม่ใช่การ
“ลดน้ำหนัก” เราจะต้องสำรวจพฤติกรรมการกินของตัวเองก่อนว่าเป็นแบบไหน
ถ้าหากเป็นคนชอบทานแบบไม่หยุดหรือไม่ควบคุมอาหารแล้วหวังว่าการดูดไขมัน
นั้นจะช่วยให้น้ำหนักลดลง
ต่อให้คุณดูดก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะว่าไขมันสามารถเกิดได้ตลอดเวลา

การดูแลหลังการดูดไขมันและดูผลติตามหลังทำ
งดรับประทานวิตามินซีบางชนิด และงดดื่มแอลกอฮอลล์

ตอบโดยทั่วไปหลังการดูดไขมันหน้าท้องร่างกายจะปรับสภาพกลับมาเป็นได้
ภายใน1-2สัปดาห์ โดต้องดูแลร่างกายตามคุณหมอแนะนำ

บริเวณสะโพกที่มากเกินไป มีไขมันสะสมบริเวณสะโพก ใส่กางเกงไม่สวย
มีเนื้อปลิ้น เพื่อให้ผิวบริเวณสะโพกมีความกระชับได้รูปมากยิ่งขึ้น

คำถามที่พบบ่อยเรื่องดูดไขมัน

เป็นการศัลยกรรมที่ช่วยยกกระชับสัดส่วนและทำให้ร่างกายมีส่วนโงที่ชัดเจนโดยการ
กำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมบริเวณชั้นผิวและใต้กล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ

ในร่างกายของเราจะมีไขมันสะสมอยู่ตามจุดต่างๆ ซึ่งสามารถดูดไขมันได้ตาม
ต้นแขน ต้นขา เหนียง สะโพก
หน้าท้องส่วนบนและส่วนล่างและมีผลต่อความสวยงามของรูปร่างของเราไม่เป็นอันต
รายต่อร่างกาย และไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อสุขภาพ
โดยในแต่ละคนก็จะมีไขมันสะสมตามจุดต่างๆ มาก-น้อยแตกต่างกันไป

ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยครับ ไม่ว่าเรื่องสถานที่ที่ทำสะอาดหรือเปล่า
ถ้าสถานที่ไม่สะอาด ก็ทำให้เราเสี่ยงติดเชื้อได้คุณหมอที่ดูดมีประสบการณ์หรือไม่
จริงๆถ้าหมอมีประสบการณ์จะทำให้รู้ตำแหน่งที่ดูดว่ายังอยู่ในชั้นไขมัน ไม่ได้เลยชั้น
หรือไปอยู่ชั้นอื่น หรือทะลุเข้าอวัยวะอื่นๆครับ

ไม่นานครับ ใช้เวลาประมาณ 30นาที ถึง 1 ชั่วโมง
และขึ้นอยู่กับว่าเราดูดตำแหน่งไหนบ้าง และจุดนั้นอยู่ตำแหน่งไหน
มีลักษณะเป็นยังไง ยาก-ง่ายขึ้นแตกต่างกันไปครับ

หมอบอกเลยว่า “กลับมาอีกได้ครับ” เนื่องจากไขมันสามารถสะสมได้ใหม่
จากการที่เรารับประทานอาหารมากเกินไป หรือทานอาหารจำพวก ทอด อาหารที่มีมัน
แป้ง และหวาน ซึ่งอาหารจำพวกนี้ สามารถแปรเปลี่ยนมาเป็นไขมันได้ค่ะ

ส่วนนี้เป็นส่วนที่มีไขมันใต้ชั้นผิวหนังอยู่ค่อนข้างน้อย
ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นไขมันในช่องท้องที่ไม่สามารถดูดไขมันออกมาได้
โดยแต่ละเคสจะมีปริมาณไขมันที่แตกต่างกัน ซึ่งคุณหมอจะเป็นผู้ประเมินให้ว่า
เรามีไขมันสะสมหน้าท้องส่วนบน เยอะแค่ไหน
ต้องดูดไขมันหน้าท้องบนออกมาเท่าไหร่ จึงจะออกมาสวย

ส่วนนี้เป็นส่วนที่ใคร ๆ ก็พบเจอ โดยเฉพาะสาว ๆ ตัวเล็กจะเห็นได้ชัดมาก
ซึ่งส่วนเกินตรงนี้ เราจะเรียกว่า “พุงหมาน้อย”
จะเป็นลักษณะของพุงป่องออกมาที่หน้าท้องส่วนล่าง ทำให้ใส่เสื้อผ้าไม่สวย
รูปร่างดูไม่เป๊ะ โดยส่วนใหญ่เคสที่มาดูดไขมันหน้าท้อง
จะมีปัญหาตรงหน้าท้องส่วนล่าง

คนที่มีไขมันสะสมหน้าท้องอย่างเช่นคุณแม่หลังคลอด
ที่หน้าท้องไม่ยุบที่ต้องการให้หน้าท้องแบนราบ หน้าท้องใหญ่
ไขมันเยอะคนที่ต้องการให้รูปร่างเป๊ะขึ้นครับ

มีหน้าท้องมีขนาดเล็กลง บุคลิกภาพดีขึ้น รูปร่างมีสัดส่วนที่เป๊ะ
แต่งตัวได้หลากหลายมากขึ้น ทำให้มั่นใจในตัวเอง

ส่วนที่เจ็บที่สุดคือข้อเท้า รองลงมาแผ่นหลัง ต่อด้วยท้องบน และต้นขา

ไม่เจ็บเลยเป็นจุดที่เจ็บน้อยที่สุดครับ

เพราะมียาชาจะเจ็บเฉพาะตอนที่ฉีดยาชาแต่ปัญหาจะขึ้นอยู่กับบ้างคนที่ตื่นเต้นเวล
าเข็มอยู่ใกล้บริเวณหน้าก็จะทำให้คุณหมอการทำงานหน่อยครับ

ต้องเข้าใจก่อนว่าการดูดไขมันนั้นไม่ใช่การ
“ลดน้ำหนัก” เราจะต้องสำรวจพฤติกรรมการกินของตัวเองก่อนว่าเป็นแบบไหน
ถ้าหากเป็นคนชอบทานแบบไม่หยุดหรือไม่ควบคุมอาหารแล้วหวังว่าการดูดไขมัน
นั้นจะช่วยให้น้ำหนักลดลง
ต่อให้คุณดูดก็ไม่ได้ช่วยอะไรเพราะว่าไขมันสามารถเกิดได้ตลอดเวลา

การดูแลหลังการดูดไขมันและดูผลติตามหลังทำ
งดรับประทานวิตามินซีบางชนิด และงดดื่มแอลกอฮอลล์

ตอบโดยทั่วไปหลังการดูดไขมันหน้าท้องร่างกายจะปรับสภาพกลับมาเป็นได้
ภายใน1-2สัปดาห์ โดต้องดูแลร่างกายตามคุณหมอแนะนำ

บริเวณสะโพกที่มากเกินไป มีไขมันสะสมบริเวณสะโพก ใส่กางเกงไม่สวย
มีเนื้อปลิ้น เพื่อให้ผิวบริเวณสะโพกมีความกระชับได้รูปมากยิ่งขึ้น